นักกีฬาที่มีร่างกายพร้อมย่อมได้เปรียบเสมอ! ยิ่งสำหรับนักวิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับกล้ามเนื้อและกระดูกเพื่อเพิ่มความไหลลื่นในการเคลื่อนไหว แต่ถ้าพบอาการเจ็บปวดที่เดิมซ้ำๆ คงจะน่ากวนใจและบั่นทอนความมั่นใจลงไปไม่น้อย โดยเฉพาะปัญหา “Trigger Points” ที่ฝังอยู่ลึกในกล้ามเนื้อที่คงหายไม่ได้ง่ายๆ งั้นมาลองบำบัดด้วยการฝังเข็ม Dry Needling ดูก่อนไหม? รับรองคุณจะต้องพูดว่า “รู้งี้ทำไปตั้งนานแล้ว!”
การฝังเข็มแบบ Dry Needling คืออะไร?
“Dry Needling” หรือการฝังเข็มตะวันตก เป็นการลงเข็มไปยังกล้ามเนื้อที่เกิดการเกร็งตัวผิดปกติจนรู้สึกตึงๆ และอาจมีอาการหนักมากจนกลายเป็นก้อนหรือพังผืด ที่ถูกเรียกว่า “Trigger Points” หรือ จุดกดเจ็บ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม Dry Needling นี้มาจากแพทย์แผนตะวันตกที่เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มนักกีฬาทั่วโลก เพราะช่วยบรรเทาอาการปวดตึงบริเวณกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวของร่างกายได้มากขึ้น
ทำไม ‘นักวิ่ง’ ต้องรักษาด้วยการฝังเข็มแบบ Dry Needling ?
กิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่ของนักวิ่งจำนวนไม่น้อยจะต้องเจอกับตารางการฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอและการเคลื่อนไหวในอิริยาบถเดิม ทำให้กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างหนัก กลายอาการบาดเจ็บในจุดเดิมซ้ำๆ เช่น
- อาการปวดบริเวณข้างต้นขา
- อาการปวดเอ็นร้อยหวาย
- อาการปวดบริเวณสะโพกหรือบั้นท้าย
- อาการปวดน่องและกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง
ถึงแม้อาการทั้งหมดอาจจะทุเลาลงได้เมื่อพักฝึกซ้อม การประคบร้อน-เย็น หรือเข้าฟื้นฟูกับนักกายภาพเป็นระยะ แต่ก็เป็นเพียงการช่วยบรรเทาอาการได้แค่ชั่วคราว เพราะต้นเหตุของอาการปวดมาจาก Trigger Points ที่ยังคงอยู่ในกล้ามเนื้อเหมือนเดิม ทำให้เมื่อกลับมาทำกิจวัตรของนักวิ่งอีกครั้งอาการปวดก็จะกลับมาอยู่ดี
การฝังเข็ม Dry Needling จึงเป็นวิธีที่จะเข้ามาคลายปม Trigger Points ได้อย่างถาวรหากอยู่ภายใต้การดูแลแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้มากกว่าวิธีอื่น ก็ยังช่วยให้ร่างกายของนักวิ่งกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กระบวนการทำงานของ Dry Needling
หลักจากรู้เทคนิคนี้กันไปคร่าวๆ แล้ว ก็มาศึกษาขั้นตอนการทำงานของการฝังเข็มแบบ Dry Needling เพื่อง่ายต่อการตัดสินใจทำและการเตรียมตัวให้ดีขึ้น แน่นอนว่าจะต้องเริ่มจากการตรวจประเมินร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูก่อน เพื่อหาตำแหน่งที่มี Trigger Points เมื่อเริ่มลงเข็มแบบ Dry Needling ตรงตำแหน่ง Trigger Points จะเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการกระตุกและเริ่มคลายตัวออกจากกันทันที ทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดใหม่เข้ามาแทนที่ของเสีย จึงเป็นการลดการอักเสบ และช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูตามธรรมชาติได้เร็วขึ้น
ในขณะทำ Dry Needling อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีในการรักษา และอาการหลังจากทำ Dry Needling สำหรับบางคนอาจมีรู้สึกเมื่อยเล็กน้อยเหมือนไปออกกำลังกายอย่างหนักมา แต่สุดท้ายแล้วอาการปวดเมื่อยนี้ก็จะค่อยๆ เบาบางลงในที่สุด
ข้อดี-ข้อเสียของการฝังเข็มแบบ Dry Needling
ข้อดีของ Dry Needling
- ช่วยคลายกล้ามเนื้อได้อย่างเจาะจง เช่นกล้ามเนื้อที่เป็น Trigger Point ต้นเหตุของอาการปวดกล้ามเนื้อแบบเรื้อรังและการเคลื่อนไหวที่ไม่ต่อเนื่อง
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองในบริเวณที่ฝังเข็ม ทำให้ร่างกายขับของเสียและลดการอักเสบได้เร็วขึ้น
- ช่วยให้เหล่านักกีฬาทุกประเภทได้ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ สามารถกลับไปทำกิจวัตรการฝึกซ้อมได้เร็วยิ่งขึ้น
- ช่วยหลีกเลี่ยงการรักษาอาการปวดในรูปแบบการทายาที่ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล
- สามารถทำ Dry Needling ร่วมกับการกายภาพบำบัด ในรูปแบบอื่นได้อีกด้วย แต่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ข้อเสียของ Dry Needling
- ในบางรายอาจเกิดอาการเจ็บ ช้ำ หรือเกร็งของกล้ามเนื้อในช่วงแรกหลังทำ Dry Needling แต่ไม่ต้องกังวลเพราะอาการเหล่านี้เป็นการตอบสนองปกติของร่างกายเท่านั้น
- การรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือหลอดเลือด
- การฝังเข็ม Dry Needling ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด เช่น ภาวะเลือดออกง่าย และผู้ใช้ยาละลายลิ่มเลือด รวมไปถึงผู้ที่มีโรคบางอย่าง เช่น ภาวะติดเชื้อเฉพาะที่
- ต้องขอบอกก่อนว่าผลลัพธ์จากการฝังเข็ม Dry Needling ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล จึงอาจจะไม่เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกจึงจะต้องทำหลายครั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แก้ปัญหาและเกิดผลลัพธ์อย่างชัดเจน
การฝังเข็มแบบ Dry Needling แตกต่างกับ การฝังเข็มแบบจีน ไหม?
ต้องบอกก่อนเลยว่า “แตกต่างกันมาก” เพราะถึงแม้ทั้งสองวิธีจะใช้เข็มเป็นเครื่องมือในการรักษาเหมือนกัน แต่เป้าหมายและแนวคิดในการรักษากลับแตกต่างกัน เริ่มจากการฝังเข็มแบบจีนที่มีรากฐานมาจากศาสตร์การแพทย์แผนจีนซึ่งถูกสืบทอดกันมาเป็นเวลานานนั้น มีจุดประสงค์ในการรักษา “ปรับสมดุลพลังงาน” หรือที่เรียกว่า “ชี่” เป็นการเชื่อมโยงระหว่างลมปราณและอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานได้ตามปกติ จึงมักถูกนำมาใช้เพื่อบำรุงร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน หรือแก้อาการปวดที่เกิดจากความไม่สมดุลภายใน
ในขณะที่อีกวิธีอย่าง การฝังเข็มแบบ Dry Needling การแพทย์ฝั่งตะวันตกที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหากล้ามเนื้อเป็นปม หรือจุด Trigger Point โดยตรง ด้วยการลงเข็มเข้าสู่กล้ามเนื้อที่มีความผิดปกติ กระตุ้นให้เกิดการคลายตัว การไหลเวียนเลือด และบรรเทาอาการปวดได้อย่างเฉพาะจุด
สุดท้ายการฝังเข็มแบบจีน ก็เหมือนกับการปรับสมดุลระบบการทำงานทั้งหมดของร่างกายให้สอดประสานกัน ส่วน Dry Needling คือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อได้โดยตรง แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งหรือผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังก็สามารถเลือกรับการรักษาวิธีใดก็ได้ตามความเหมาะสมของอาการและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สรุป
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจ Dry Needling ต้องขอบอกเลยว่าสำหรับนักวิ่งที่มีอาการเจ็บซ้ำๆ ตรงจุดเดิม ไม่ว่าจะพักหรือบำบัดวิธีไหนมาแล้วก็ยังกลับมาเป็นอีก ควรเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าเป็นกล้ามเนื้อ Trigger Points หรือเปล่า? หากใช่ก็ลองเปิดใจให้กับการบำบัดด้วยการฝังเข็มแบบ Dry Needling ดูสักครั้งเพื่อเส้นทางการเป็นนักวิ่งอย่างคุณจะได้ไม่ต้องหยุดชะงักแค่เพราะความเจ็บปวด และกลับมาฟอร์มดีอีกครั้งพร้อมความมั่นใจ
และใครที่กำลังมองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับอาการเจ็บปวดเรื้อรังด้วยการฝังเข็ม Dry Needling คลิก The Recover Clinic เพื่อขอคำปรึกษาและทำการรักษาอย่างถูกจุดกำจัดความเจ็บปวดอันแสนทรมาน! เพื่อการใช้ชีวิตที่คล่องตัว ไม่ต้องปวดเมื่อยร่างกายอีกต่อไป!